วิธีการดูแลและบำรุงรักษาแบตเตอรี่รถยนต์
- เช็คสภาพภายนอกของแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ
อันดับแรกในการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ก็คือ การตรวจสอบอย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่จะไม่เก็บประจุไฟฟ้าอาการบวมหรือเสียรูปของแบตเตอรี่ เกิดจากความร้อนหรือการประจุไฟเกินหรือการระบายแรงดันไม่ดี หากแบตเตอรี่มีการแตกร้าว ต้องดูว่ามีร่องรอยการซึมออกมาของกรดหรือของเหลวที่บรรจุภายในหรือเปล่า ในจุดที่ไม่ใช่รูระบายอากาศหรือช่องหายใจ เช่นตามขอบ-ด้านข้าง-ฝาครอบ หรือความเสียหายของแบตเนื่องจากการประจุแรง-ระบายแรงดันภายในไม่ทันหรือแม้แต่การรัดของตัวยึดที่แน่นเกินไป ขยับดูตัวแบตเตอรี่ว่าติตกัฐานแน่นพอดีหรือไม่ เอาแค่ตึงมือเพราะการขันตัวล็อคให้แน่นเกินไป โดยเฉพาะชนิดที่เป็นเหล็กพาดผ่านตัวแบตนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของแบตเตอรี่บวมหรือแตกร้าวได้
- ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ถ้ามีคราบเกลือหรือสกปรกเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาด ขยับดูขั้วแบตเตอรี่ว่าแน่นดีหรือไม่ ถ้าขยับได้ควรขันให้แน่น เช็คว่าขั้วของแบตเตอรี่สกปรกหรือมีขี้เกลือเกาะติดหรือเปล่า กรณีที่ติดตั้งตรั้งแรกควรซื้อแผ่นรองขั้งแบตที่ชุบสารหล่อลื่นไส่ที่ขั้วแบตตั้งแต่แรก แต่ถ้าขั้วแบตสกปรกก็ควรทำความสะอาดด้วยการใช้น้ำอุ่นถึงร้อนค่อยๆเทราดลงไปที่ขั้งแบตแล้วใช้แปรงสีฟันเก่าขัดจนขั้วสะอาด จากนั้นเช็ดให้แห้งแล้วใช้จาระบีหรือวาสลีนทาบางๆให้ทั่วที่ขั้วแบตเตอรี่
- ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ให้อยุ่ในระดับที่พอเหมาะ
การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ตรวจระดับน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนดในแบตเตอรี่ ถ้าเป็นแบตชนิดที่ต้องเติมน้ำกลั่นควรเช็คและเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในช่วงระดับ ไม่ควรให้ระดับน้ำกลั่นต่ำกว่าขีดล่างสุดมากกว่า ๕ มม.หรือครึงซม.แม้ว่าระดับดังกล่าวของเหลวยังคงสูงกว่าแผ่นธาตุแต่ถ้ารถเอียงหรือทางลาดชันจะทำให้ระดับของเหลวไม่ท่วมแผ่นธาตุ และไม่ควรเติมสูงเกินไป จะทำให้ขั้วแบตสกปรกจากขี้เกลือเร็วขึ้นมาก
- ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์
การตรวจสอบระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไปไหม ถ้าต่ำไปจะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้ น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในเดือดและระเหยเร็ว
- การใช้งานรถยนต์ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำเพื่อการถนอมแบตเตอรี่
ประสิทธิภาพการแพร่กระจายของน้ำกรดและน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น แต่สำหรับเมืองไทยเราคงไม่ค่อยพบกับปัยหาเหล่านี้นัก เพราะอากาศจะร้อน ร้อนมาก และร้อนมากที่สุดเสียเป็นส่วนใหญ่
- ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ
อุปกรณ์เสริมที่ใช้กำลังไฟเยอะ เช่น ระบบเครื่องเสียง ไฟตัดหมอก ฯลฯ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี
ทั้งหมดเป็นวิธีง่ายๆเพื่อการใช้งานที่ลงตัวและแบตเตอรี่รถยนต์อยุ่กับเราอย่างยืนยาว เพราะรถยนต์ก็เหมือนกับร่างกาย หากมีการบำรุง ดูแลที่ถูกวิธี ก็จะช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ
แบตหมด แบตเสื่อม เปลี่ยนแบตเตอรี่ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ต้องแบตเตอรี่ JTK. 786 สาขา3อ่อนนุช #แบตเตอรี่หมดแบตเตอรี่เสื่อม โทร 086-9051871 LINE:ID 0869051871 ส่งถึงหน้าบ้านพร้อมเปลี่ยนให้ฟรี ก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่มีบริการสำรองไฟทุกครั้งก่อนเปลี่ยน พร้อมเช็คไดชาร์จ เช็คไฟรั่ว ให้ฟรีครับ #แบตถูก แบตราคาถูก แบตเตอรี่ถูก แบตเตอรี่ราคาถูก #แบตเตอรี่คุณภาพราคาถูก
#เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช#ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช65 #ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช30 #ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช44 #ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช46 #ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช17 #ร้านแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนนุช60#เปลี่ยนแบตถนนพระราม9 #เปลี่ยนแบตถนนอ่อนนุช17 #เปลียนแบตซอยอนามัย #แบตเตอรี่พัฒนาการ #เปลี่ยนแบตคลองตัน #เปลี่ยนแบตถนนเพชรบุรี แบตราคาถูก #เปลี่ยนแบตรถยนต์อ่อนนุช #เปลี่ยนแบตเตอรี่พัฒนาการ โทร0869051871 ไลน์ ID:0869051871 #เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่ www.battery786.com
สัญญาณบอกเหตุ แบตเตอรี่ ใกล้หมดสภาพ ต้องเปลี่ยน
เป็นอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “แบตเตอรี่” ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการเดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะมีอายุการใช้งาน 1.5 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน แต่แทนที่จะรอให้เครื่องยนต์น๊อคหมดสภาพแล้วค่อยเปลี่ยน ยีเอส มีวิธีสังเกตอาการที่บ่งบอกถึงสัญญาณเตือนก่อนที่แบตจะหมด ดังนี้
1. เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ จะรู้สึกว่าเครื่องไม่ค่อยมีกำลัง สตาร์ทติดยากกว่าที่เคยเป็น
2. หลังจากจอดรถดับเครื่องแล้วทิ้งไว้สักครู่ หรือดับเครื่องเสร็จแล้วสตาร์ทใหม่ทันที รถจะสตาร์ทติดยาก ต้องพยายามสตาร์ทหลายๆ ครั้งถึงจะติด
3. ไฟส่องสว่างด้านหน้ารถยนต์ไม่ส่องสว่างเท่าเดิม
4. ระบบล็อคประตู และการทำงานของกระจกไฟฟ้าช้าลงกว่าปกติ อืดๆ ไม่เร็วเหมือนเดิม
5. แบตเตอรี่แบบเปียก น้ำกลั่นหมดเร็วกว่าเดิม ต้องเติมถี่ และบ่อยขึ้น
6. ถึงขั้นต้องพ่วงแบตฯ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในการสตาร์ทรถยนต์ เพราะสตาร์ทรถไม่ติดเลย
สุดท้าย ผู้ขับขี่เองก็ต้องหมั่นเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และเมื่อไหร่ที่เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น จะได้รู้ว่า นีเป็น 6 สัญญาณเตือนให้คุณเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย
ที่มา https://bit.ly/2pwrCUl