แบตเตอรี่ GS เป็นแบตเตอรี่รถยนต์ที่ บริษัท สยามกลการ จำกัด เป็นผู้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2503 และมีโรงงานผลิตในไทย คือ บริษัท สยาม ยีเอส แบตเตอรี่ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับความนิยมจากผู้ใช้สูงสุดในประเทศไทย ในฐานะผู้นำ เราได้เน้นหนักในเรื่องของการยกระดับเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต และการควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์อันทรงประสิทธิภาพ โดยจะยืนหยัดพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับอนาคต สำหรับใช้ในอุตสาหกรรม และชีวิตประจำวัน
แบตเตอรี่ยีเอส เป็นแบตเตอรี่รายแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9002 / QS 9000 / ISO 14001 และ ISO/TS 16949 ซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ทั้งผู้ผลิตรถยนต์ค่ายญี่ปุ่นและค่ายยุโรป โดยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพนี้ ทำให้แบตเตอรี่ยีเอส ทรงประสิทธิภาพและเป็นที่เชื่อถือในท้องตลาด จนได้รับความไว้วางใจ จากโรงงานประกอบรถยนต์ ได้แก่ นิสสัน, โตโยต้า, ฮอนด้า, อีซูซุ, ฮีโน่, มิตซูบิชิ, มาสด้า และฟอร์ด
ยีเอส เเบตเตอรี่ มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่ได้มาตรฐานรับรองจากประเทศญี่ปุ่น
ยีเอส แบตเตอรี่ จัดจำหน่ายในประเทศไทยมายาวนานกว่า 50 ปี
กดเพื่อโทรสั่งได้เลยครับ
หรือกดเพื่อแอดไลน์ได้เลยครับ
แบตเตอรี่หมด แบตเตอรี่เสื่อม เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ ต้องแบตเตอรี่ JTK. 786
โทร 086-9051871 LINE : ID 0869051871
ส่งถึงหน้าบ้านพร้อมเปลี่ยนและติดตั้งให้โดยไม่คิดค่าบริการ ก่อนเปลี่ยนแบตเตอรี่มีบริการสำรองไฟทุกครั้งก่อนเปลี่ยนเพื่อป้องกันการรวนของกล่อง ECU พร้อมเช็คไดชาร์จ เช็คไฟรั่วให้ฟรี แบตเตอรี่คุณภาพมาตราฐานราคาถูก
เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์นอกสถานที่
สินค้าใหม่แกะกล่องใหม่ 100%
สำรองไฟก่อนเปลี่ยนแบตทุกครั้ง
เช็คไดชาร์จและเช็คไฟรั่วฟรี
แบตเตอรี่ทุกลูกรับประกัน 1 ปี
แบตเตอรี่คุณภาพได้มาตรฐาน
กดเพื่อโทรสั่งได้เลยครับ
หรือกดเพื่อแอดไลน์ได้เลยครับ
สัญญาณบอกเหตุ แบตเตอรี่ ใกล้หมดสภาพ ต้องเปลี่ยน
เป็นอย่างที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “แบตเตอรี่” ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการเดินทางไปไหนมาไหน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันจะมีอายุการใช้งาน 1.5 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน แต่แทนที่จะรอให้เครื่องยนต์น๊อคหมดสภาพแล้วค่อยเปลี่ยน มีวิธีสังเกตอาการที่บ่งบอกถึงสัญญาณเตือนก่อนที่แบตจะหมด ดังนี้
1. เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ จะรู้สึกว่าเครื่องไม่ค่อยมีกำลัง สตาร์ทติดยากกว่าที่เคยเป็น
2. หลังจากจอดรถดับเครื่องแล้วทิ้งไว้สักครู่ หรือดับเครื่องเสร็จแล้วสตาร์ทใหม่ทันที รถจะสตาร์ทติดยาก ต้องพยายามสตาร์ทหลายๆ ครั้งถึงจะติด
3. ไฟส่องสว่างด้านหน้ารถยนต์ไม่ส่องสว่างเท่าเดิม
4. ระบบล็อคประตู และการทำงานของกระจกไฟฟ้าช้าลงกว่าปกติ อืดๆ ไม่เร็วเหมือนเดิม
5. แบตเตอรี่แบบเปียก น้ำกลั่นหมดเร็วกว่าเดิม ต้องเติมถี่ และบ่อยขึ้น
6. ถึงขั้นต้องพ่วงแบตฯ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ในการสตาร์ทรถยนต์ เพราะสตาร์ทรถไม่ติดเลย
สุดท้าย ผู้ขับขี่เองก็ต้องหมั่นเช็คสภาพรถก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และเมื่อไหร่ที่เกิดอาการเหล่านี้ขึ้น จะได้รู้ว่า นีเป็น 6 สัญญาณเตือนให้คุณเตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย
กดเพื่อโทรสั่งได้เลยครับ
การรักษาแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานๆและให้ใช้ให้ได้มีประสิทธิภาพ
1.ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อรถไม่วิ่ง เมื่อรถไม่วิ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าจะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรง ถอดปลั๊กโทรศัพท์มือถือเครื่องนำทาง GPS หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เสียบเข้ากับพอร์ตชาร์จเมื่อคุณปิดรถ อย่าเสียบปลั๊กกลับเข้าไปจนกว่าคุณจะสตาร์ทรถอีกครั้ง อย่าเสียบปลั๊กทิ้งไว้ในขณะที่รถดับ ซึ่งอาจทำให้พลังงานหมดและส่งผลให้แบตเตอรี่หมด
2.ปิดไฟหน้าและไฟภายในรถเมื่อดับเครื่องยนต์ เช่นเดียวกับเครื่องใช้ไฟฟ้าไฟเหล่านี้จะดึงพลังงานจากแบตเตอรี่โดยตรงเมื่อรถไม่วิ่ง เมื่อคุณปิดรถแล้วให้ปิดไฟทั้งหมดที่เปิดอยู่ อย่าสตาร์ทอีกจนกว่าคุณจะสตาร์ทเครื่องยนต์
ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไฟหน้าของคุณดับอยู่ก่อนที่จะเดินออกไปจากรถ
3.ขับรถเป็นประจำเพื่อให้แบตเตอรี่ชาร์จอยู่เสมอ ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เมื่อคุณขับรถดังนั้นอย่าทิ้งรถไว้เป็นเวลาหลายสัปดาห์ในแต่ละครั้ง ขับรถอย่างน้อย 20 นาทีสัปดาห์ละครั้งเพื่อให้แบตเตอรี่มีเวลาเพียงพอในการชาร์จไฟ หากคุณขับรถไม่ได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามให้ปล่อยให้รถวิ่งเป็นเวลา 20 นาทีโดยไม่ต้องขยับ ไม่ใช่ทางออกที่ดี แต่จะช่วยให้แบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟได้
4.ชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ที่ 12.6 โวลต์ นี่คือแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับการชาร์จแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่ต่ำกว่าระดับนี้ประสิทธิภาพและอายุการใช้งานจะลดลง รับโวลต์มิเตอร์และต่อสายขั้วบวก (สีแดง) เข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่และขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับขั้วลบ กดค้างไว้ที่นั่นสองสามวินาทีแล้วรอให้มิเตอร์อ่านค่า หากประจุต่ำกว่า 12.6 โวลต์ให้เชื่อมต่อเครื่องชาร์จแบตเตอรี่โดยติดขั้วลบเข้ากับขั้วลบก่อนจากนั้นเชื่อมต่อขั้วบวกเข้ากับขั้วบวก ชาร์จแบตเตอรี่เป็น 12.6 โวลต์สวมถุงมือยางทุกครั้งเมื่อทำการทดสอบและชาร์จแบตเตอรี่
ทดสอบแบตเตอรี่ทุก 6 เดือน ทำอย่างน้อยหนึ่งครั้งเมื่ออากาศหนาวเย็นเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้การชาร์จแบตเตอรี่ลดลง
5.ติดที่ชาร์จแบบหยดเข้ากับแบตเตอรี่หากคุณไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ที่ชาร์จแบบหยดเกี่ยวเข้ากับเต้าเสียบและชาร์จแบตเตอรี่ให้คงที่ ซึ่งจะช่วยให้แบตเตอรี่มีประจุที่ถูกต้องแม้ว่าคุณจะไม่ได้ขับรถก็ตาม เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์สำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้ขับบ่อย เชื่อมต่อเครื่องชาร์จแบบหยดแบบเดียวกับที่คุณสามารถเชื่อมต่อเครื่องชาร์จปกติ เกี่ยวขั้วลบเข้ากับขั้วลบก่อนจากนั้นเชื่อมต่อขั้วบวก จากนั้นเสียบที่ชาร์จทิ้งไว้จนกว่าคุณจะขับรถอีกครั้ง ที่ชาร์จแบบ Trickle เป็นที่นิยมในหมู่เจ้าของรถหายากหรือของสะสมที่ไม่ได้ขับบ่อยควรใช้ที่ชาร์จแบบหยดเมื่อรถอยู่ในโรงรถ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษขยะเข้าไปใต้ฝากระโปรง
กดเพื่อโทรสั่งได้เลยครับ